พิธีแต่งแบบคริสต์

           ศาสนาคริสต์แบ่งออกเป็นนิกายใหญ่ ๆ คือ โรมันคาทอลิค กรีโออร์โธด๊อกซ์และโปรเตสแตนท์ พิธีแต่งงานตามหลักของแต่ละนิกายนั้นมีรายละเอียดพิธีกรรมต่างกันไป แต่สิ่งที่เหมือนกันและเป็นหัวใจของการแต่งงานในศาสนาคริสต์ก็คือ การที่คู่บ่าวสาวสมัครใจที่จะร่วมชีวิตกันและทำพันธสัญญาต่อพระผู้เป็นเจ้า ผ่านผู้ประกอบพิธีซึ่งถือเป็นตัวแทนของพระองค์

          เมื่อตกลงใจจะแต่งงานที่โบสถ์ใดโบสถ์หนึ่ง สิ่งแรกที่ต้องทำคือ แจ้งความจำนงกับบาทหลวงเจ้าวัด บาทหลวงบางท่านก็อาจจะมีเงื่อนไขอื่นอีก คุณพ่อสตีเฟน แก๊บบอตต์ บาทหลวงเจ้าวัดที่โบสถ์ไครสท์เชิร์ช ถ.คอนแวนต์ บอกว่า ผู้ที่จะแต่งงานที่โบสถ์นี้จะต้องมีคุณสมบัติสามข้อ คือ เป็นคริสเตียนไม่เคยผ่านการหย่าร้างมาก่อน และอายุไม่แตกต่างกันมากจนเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตคู่ ข้อหลังนี้ตั้งขึ้นด้วยเหตุผลทางสังคมและศีลธรรมแต่สองข้อแรกนั้นเป็น เงื่อนไขหลักที่แทบทุกโบสถ์ตราไว้ เนื่องจากคนที่มีความเชื่อต่างกันนั้นยากจะร่วมชีวิตกันไปได้ตลอดรอดฝั่ง และในเรื่องการหย่าร้างนั้น พระเยซูได้ตรัสไว้ว่า “คู่สมรสได้เป็นหนึ่งเดียวกัน จะหย่าร้างกันไม่ได้เพราะเป็นแผนการของพระเจ้าที่วางไว้ เพื่อให้คู่บ่าวสาวดำเนินชีวิตไปด้วยกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขจนกว่าความตายจะมาพราก”   
คำสอนก่อนแต่งงาน (pre-marital counseling) 
          เมื่อกำหนดวันแต่งงานแล้วพระจะนัดให้ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวมารับคำสอนเกี่ยว กับหลักทางศาสนาที่ว่าด้วยการแต่งงานและหน้าที่ของคู่สมรส คุณพ่อโรเบิร์ต กูลด์ แห่งโบสถ์อีแวนเจลิคัล ซ.สุขุมวิท 10 เน้นว่าพระจะต้องการให้อบรมแก่ว่าที่คู่บ่าวสาวในสามเรื่องซึ่งเป็นหัวใจของ การใช้ชีวิตคู่ คือ การสื่อสารระหว่างกัน การจัดการทรัพย์สินและเพศศึกษาสำหรับคู่สมรสพร้อมกันนี้จะให้คำปรึกษาเกี่ยว กับพิธีศีลสมรสและการเตรียมงานต่าง ๆ เช่น การตกแต่งสถานที่ประกอบพิธี การติดต่อคณะนักร้องประสานเสียงและนักออร์แกน การจัดหางานเลี้ยงภายในเขตวัด ฯลฯ ไปด้วย  
ประกาศข่าวแต่งงาน (reding of banns)
          ตามจารีตของนิกายโรมันคาทอลิคและเชิร์ช ออฟ อิงแลนด์ (Church of England) เมื่อกำหนดวันแต่งงานแล้วบาทหลวงจะแจ้งข่าวต่อสัตบุรุษที่มาร่วมรับมิสซา หรือาจจะปิดประกาศภายในวัดเป็นเวลาสามอาทิตย์ติดต่อกัน หากผู้ใดเห็นว่าทั้งคู่ไม่ควรแต่งงานกันด้วยเหตุผลใด ๆ ก็สามารแจ้งคัดค้านได้ก่อนจะถึงวันแต่งงาน  
การเตรียมการสำหรับพิธีศีลสมรส 
          องค์ประกอบสำคัญในพิธีสมรส นอกจากคู่บ่าวสาวและผู้ประกอบพิธีแล้วก็ต้องมี แหวนแต่งงานซึ่งในในพิธีแลกแหวน เป็นสัญลักษณ์คู่บ่าวสาวได้ มอบตัวมอบใจให้แก่กัน แหวนแต่งงานนิยมใช้แหวนทองคำเกลี้ยง เพราะเป็นโลหะที่บริสุทธิ์ ทนทาน ไม่หม่นหมองง่ายและรูปทรงกลมก็ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความนิรันดร์ แต่สมัยนี้มีผู้นิยมใช้แหวนแพลตินัมเป็นแหวนแต่งงานมากขึ้นเพราะเป็นโลหะ แข็งแกร่งที่สุด แหวนแต่งงานนี้จะสวมบนนิ้วนางข้างซ้ายเสมอ เพราะเชื่อกันว่ามีเส้นเลือดแล่นจากนิ้วนี้สู่หัวใจ ดนตรี ที่ใช้ประกอบพิธีเป็นเพลงสวด อาจเป็นการขับร้องโดยนักร้องหมู่ประสานเสียงประกอบออร์แกนหรือเป็นเพลง บรรเลงด้วยออร์แกนก็ได้และจะบรรเลงตามคิวต่าง ๆ เช่น เริ่มขบวนแห่ พิธีแลกแหวน เป็นต้น คู่บ่าวสาวอาจกำหนดเพลงที่จะใช้ประกอบโดยปรึกษากับพระก่อน ดอกไม้ที่ใช้ตกแต่งสถานที่ประกอบพิธี คู่บ่าวสาวอาจจัดการเองหรือให้ทางวัดช่วยติดต่อควรสอบถามให้เรียบร้อยว่าทาง วัดมีข้อบังคับอะไรบ้าง ช่างทำดอกไม้จะเริ่มงานได้เมื่อไร และเมื่อไรเสร็จพิธีแล้วนำดอกไม้กลับได้หรือไม่ ฯลฯ  

การซ้อมใหญ่           มักจะทำในคืนก่อนวันสมรส โดยพระ คู่บ่าวสาว และผู้ร่วมพิธีทุกคนจะมาพร้อมกันที่โบสถ์เพื่อซ้อมลำดับพิธีกรรมทั้งหมด ตั้งแต่ต้นจนจบ ตามธรรมเนียมฝรั่ง พ่อแม่ฝ่ายชายเป็นเจ้าภาพอาหารค่ำหลังเสร็จจากการซ้อม เรียกว่า rehersal dinner
ผู้ถือแหวน (ring bearer)
          ผู้ถือแหวนมักเป็นเด็กชายอายุไม่เกิน 13 ปี ทำหน้าที่ถือพานแหวนซึ่งอาจจะเป็นแหวนแต่งงานจริง ๆ หรือแหวนที่ทำขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ในพิธีก็ได้
ผู้ถือดอกไม้ (flower girls)
          มักเป็นเด็กผู้หญิงอายุ 3-7 ปี มีหน้าที่โปรยกลีบดอกไม้หรือถือช่อดอกไม้นำหน้าขบวนเจ้าสาว
ผู้จุดเทียน (candle lighters)
          เป็นหญิง 1 ชาย 1 ที่คู่บ่าวสาวเลือกให้ทำหน้าที่จุเทียนที่แท่นบูชาเพื่อเริ่มพิธีศีลสมรส เทียนนี้ห้ามมิให้ดับก่อนพิธีเสร็จสิ้น  
ผู้ร่วมพิธี  
          พิธีแต่งงานที่สมบูรณ์ตามที่ศาสนาจักรกำหนดจะต้องมีคู่สมรส พระผู้ประกอบพิธี แหวนแต่งงานและพยาน 2 คน แต่คู่บ่าวสาวอาจให้มี เพื่อนเจ้าสาว เพื่อนเจ้าบ่าว ผู้ถือดอกไม้ ผู้ถือแหวน ผู้อ่านพระคัมภีร์ร่วมพิธีด้วย เพื่อนเจ้าบ่าว (best man) มักเป็นญาติเหรื่อเพื่อนที่เจ้าบ่าวไว้วาวใจให้ช่วยเตรียมงานและดูแลความ เรียบร้อยในระหว่างประกอบพิธี บทบาทของเพื่อนเจ้าบ่าวที่สำคัญคือเป็นผู้รักษาแหวนให้กับเจ้าบ่าวก่อนถึง พิธีแลกแหวนเพื่อนเจ้าสาว (bridesmaid) อาจมีคนเดียวหรือหลายคน ในกรณีที่มีหลายคน เจ้าสาวจะมอบให้คนหนึ่งเป็นหัวหน้า เรียกว่า maid of honor เธอผู้นี้จะเดินนำหน้าขบวนเพื่อนเจ้าสาวในขณะที่เดินเข้าสู่สถานที่ประกอบ พิธี เป็นผู้รักษาช่อดอกไม้เจ้าสาวในระหว่างพิธี และเป็นผู้เปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวเมื่อบาทหลวงประกาศให้เจ้าบ่าวจุมพิตเจ้า สาวหลังเสร็จสินพิธีแต่งงาน  
 

ผู้อ่านคัมภีร์ (lector)  
          มีหน้าที่อ่านคำสอนจากพระคัมภีร์ตามที่พระผู้ประกอบพิธีออกนาม จึงต้องมีการซักซ้อมกันก่อน
 
ผู้เชิญแขก (ushers) 
          มีหน้าที่นำพ่อแม่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวเข้าสู่ที่ประกอบพิธีและนำแขกเข้านั่ง ประจำที่ โดยแขกฝ่ายเจ้าสาวจะนั่งทางด้านซ้ายและแขกเจ้าบ่าวจะนั่งด้านขวา

ลำดับพิธีกรรม
          หัวใจของพิธีศีลสมรสหรือการที่คู่บ่าวสาวให้คำมั่นสัญญาต่อพระผู้เป็นเจ้า ว่าจะมอบชีวิตให้แก่กันและยอมรับหน้าที่ของสามีภรรยาที่กำหนดไว้ในพระ คัมภีร์ พิธีศีลสมรสนี้จึงเน้นความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย แต่รายละเอียดพิธีกรรมของแต่ละโบสถ์อาจจะต่างกันไป เนื่องจากพิธีกรรมแบบโรมันคาทอลิคมีขั้นตอนมากที่สุด ในที่นี้จึงขอยึดพิธีแบบ คาทอลิคเป็นหลัก

ภาควจนพิธีกรรม   
        พระนำสวดสดุดีพระเป็นเจ้าพระถามความสมัครใจของคู่บ่าวสาวที่จะแต่งงานเมื่อ คู่บ่าวสาวตอบรับแล้วพระให้ทั้งคู่จับมือกันและกันและกล่าวให้คำมั่นสัญญา โดยอาจถามว่า “นาย/นางสาว... ท่านสมัครรับนางสาว/นาย...เป็นภรรยาและสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อเธอ/เขาทั้งใน ยามสุขและทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบายเพื่อรัก และยกย่องให้เกียรติเธอ/เขาจนกว่าชีวิตจะหาไม่หรือ” (อาจใช้แบบอื่นแล้วแต่พระและคู่บ่าวสาวเห็นสมควร)เมื่อคู่บ่าวสาวตอบรับแล้ว พระพรมน้ำเสกให้ทั้งคู่เพื่อนเจ้าบ่าวมอบแหวนให้พระพระเสกแหวนให้คู่บ่าวสาว และให้ทั้งคู่สวมแหวนให้กันและกัน

ภาคบูชาขอบคุณ     
  • พระเชิญชวนผู้ มาร่วมพิธีภาวนาเพื่อคู่บ่าวสาว นำสวดขอให้พระเป็นเจ้าประทานพรแก่คนทั้งสองแล้วประกาศให้ทั้งสองเป็นสามี ภรรยากันโดยถูกต้อง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น